วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้

ข้อสอบก่อนเรียน

1.ในการทำโครงงานควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง
.วัสดุหาง่ายในท้องถิ่น
ข.มีงบประมาณที่ใช้ในการทำโครงงานจะต้องมีราคาถูก
ค.โครงงานที่ได้นำไปใช้ประโยชน์ได้

             ง.ถูกทุกข้อ
2.ข้อใดไม่ใช่วงจรในการทำงานพื้นฐาน 4 อย่างของคอมพิวเตอร์
                ก.รับข้อมูล
                ข.ประมวลผล
ค.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
                ง.เก็บข้อมูล
3.คอมพิวเตอร์ชนิดใดมีเมนเฟรมขนาดเล็กและพร้อมใช้งานได้ทันที
ก.มินิคอมพิวเตอร์
                ข.ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
                ค.ไมโครคอมพิวเตอร์
                ง.โน้ตบุ๊ก
4.ข้อใดคือคอมพิวเตอร์ที่สามารถพกพาไปได้และสามารถใช้งานได้ทุกที่
                ก.ไมโครคอมพิวเตอร์
                ข.ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
                ค.มินิคอมพิวเตอร์
                ง.Tabled
5.เป็นอุปกรณ์ประเภทใด
                ก.รับข้อมูล
                ข.ประมวลผล
                ค.เก็บข้อมูล
                ง.ถูกทุกข้อ
6.ถ้าไม่มีอุปกรณ์ชนิดใดคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้
                ก.Cose
                .Main Board
                .CPU
                .Mornitor
7.ข้อใดเป็นหน่วยความจำวงจร
                1.RAM
                2.ROM
                3.CPU
                4.CD-RCM
8.Rom และ Ram อย่างไร
                ก. Rom เป็นหน่วยความจำถาวรไม่สามารถลบข้อมูลได้
                ข. Ram เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบข้อมูลได้
ค. Rom เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบข้อมูลได้
. Ram เป็นหน่วยความจำถาวรไม่สามารถลบข้อมูลได้
9.ข้อใดคือความหมายของคอมพิวเตอร์
                ก.เครื่องอัตโนมัติ
                .เครื่องใช้สำนักงานอัตโนมัติรุ่นใหม่
                ค.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่
                ง.แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่
10.ข้อใดไม่ใช่ข้อดีของคอมพิวเตอร์
                ก.มีความเร็วสูง
                ข.น่าเชื่อถือได้
                ค.มีความถูกต้องแม่นยำ
ง.ถูกทุกข้อ



11. ขั้นตอนแรกของการทำโครงงาน คือข้อใด 

ก. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
ข. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
ค. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
ง. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล




12.ข้อใดคือองค์ประกอบของโครงงานคอมพิวเตอร์ 

ก.เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
ข.ผู้เรียนเป็นผู้ริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษา ค้นคว้า พัฒนา เก็บรวบรวมหรือประดิษฐ์คิดค้นด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้ความสามารถ
ค.ผู้เรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา สรุป และเสนอผลการศึกษาด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา
ง. ถูกทุกข้อ


13.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของโครงงานคอมพิวเตอร์

ก. สร้างความสำนึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
ข. เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความสามารถ
ค. ให้นักเรียนทำงานในเวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ง. กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนสาขาคอมพิวเตอร์


14. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องในการทำโครงงานคอมพิวเตอร์

ก. มอบหมายให้คนที่เก่งที่สุด จัดทำโครงงานเพียงคนเดียวเท่านั้น
ข. จัดลำดับภาระงานก่อน-หลัง และทำตามแผนงานที่วางเอาไว้
ค. มีการแบ่งงานมอบหมายงานให้สมาชิกแต่ละคนทำตามความถนัด
ง. มีรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง

15. ในการเสนอเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์ จะต้องบอกถึงสิ่งใดบ้างในส่วนของเครื่องมือที่ใช้พัฒนา
 ก. ชนิดและประเภทของคอมพิวเตอร์
 ข. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

 ค. ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ

 ง. ข้อจำกัดทางเทคนิคของซอฟต์แวร์



16. ข้อใดคือขั้นตอนสุดท้ายของการจัดทำโครงงาน 

ก. การเขียนรายงาน
ข. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
ค. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
ง. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล

17. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการเขียนเค้าโครง ของโครงงานคอมพิวเตอร์

 ก. บทนำ
 ข. กิตติกรรมประกาศ

 ค. บทคัดย่อ
 ง. อ้างอิง

18.ผู้ประเมินโครงงานของนักเรียนในเบื้องต้นคือใคร
 ก. ผู้อำนวยการ

 ข. ครูผู้สอน
 ค. ฝ่ายวิชาการ
 ง. ผู้ปกครอง

19. โครงงานคอมพิวเตอร์ที่จะสมบูรณ์ได้ จะต้องมีลำดับขั้นตามข้อใด
 ก. การนำเสนอต่อผู้เรียนด้วยกัน, การประเมิน
 ข. การทดสอบเบื้องต้น ,การปรับปรุง , การประเมิน
 ค. การนำเสนอต่อครูผู้สอน, การประเมิน

 ง. ถูกทุกข้อ

20. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์?
 ก. เพื่อผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์
 ข. เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์
 ค. เพื่อส่งเสริมความรู้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์

 ง. ถูกทุกข้อ                         








จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.             คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ยุค  อะไรบ้าง
        ตอบ ยุคของคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 4 ยุคด้วยกัน คือ
                        - ยุคแรกเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของหลอดสูญญากาศ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบบัตรเจาะรู
                  - ยุคที่สอง เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของทรานซิสเตอร์ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบเทป ลักษณะเป็นกรรมวิธีตามลำดับ(Sequential Processing)

                        - ยุคที่สาม เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของไอซี(integrated circuit, IC) และการเก็บข้อมูลเป็นแบบจานแม่เหล็ก ลักษณะเป็นการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multiprogramming) และออนไลน์(on-line)

                               - ยุคที่สี่ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของวงจรรวมขนาดใหญ่ (Large-scale integration, LSI) ของวรจรไฟฟ้า ผลงานจากเทคโนโลยีนี้คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor ) กล่าวได้ว่าเป็น "Computer on a chip" ในยุคนี้


2. เครื่องคอมพิวเตอร์มีวงจรการทำงานพื้นฐานกี่อย่าง อะไรบ้าง
                ตอบ  คอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
                รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ ซีดีรอม เป็นต้น
                ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปไฟล์อื่นๆตามที่ต้องการ
                แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ จอภาพ ลำโพง
                เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต



3. คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ 7ประเภท  คือ
-ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วมาก และมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ชนิดอื่น ๆ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่
                                - เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer)มีสมรรถภาพที่ต่ำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาก แต่ยังมีความเร็วสูง และมีประสิทธิภาพสูงกว่ามินิคอมพิวเตอร์หรือไมโครคอมพิวเตอร์
มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer)คือ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งสามารถบริการผู้ใช้งานได้หลายคนพร้อม ๆ กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะบริการผู้ใช้ในจำนวนที่เทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้
                                - ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พีซี (personal computer หรือ PC)คือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer)
                                - โน้ตบุ๊ค (notebook or laptop)คือ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ ถูกออกแบบไว้เพื่อนำติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา ในปัจจุบันมีขนาดพอๆกับสมุดที่ทำด้วยกระดาษ

                                - เน็ตบุ๊ค (notebook or laptop)คือ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์และเล็กกว่าโน้ตบุ๊ค ถูกออกแบบไว้เพื่อนำติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา

                                - แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ (tablet computer)คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก


4. จงบอกส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์มา 2 ชนิด
                ตอบ       1. จอภาพ (Monitor)แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 
                                - จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube)  โดยมากจะพบในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 
- จอแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) ซึ่งมี ลักษณะแบนราบ  จะมี ขนาดเล็กและบาง

                                2. คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลที่สำคัญที่สุด มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ ของเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งการสั่งงานคอมพิวเตอร์และการทำงานหลายๆ อย่างจำเป็นต้องใช้แป้นพิมพ์เป็นหลัก
     

5. จงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง โน้ตบุ๊ค (notebook) และ-ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)
ตอบ        - โน้ตบุ๊ค คือ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กสามารถนำติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา
- ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วมาก และมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ชนิดอื่น ๆ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่

5. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
                ตอบ       - ความเร็ว (speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที
                                - ความเชื่อถือ (reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยไม่มีข้อผิดพลาด และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
                                - ความถูกต้องแม่นยำ (accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอหากผลของการคำนวณผิดจากที่ควรจะเป็น มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกรม
                                - เก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้ (store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ ตัวอักษร
                                - สามารถย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (move information) โดยใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์

6. ในการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยกี่ขั้นตอน  อะไรบ้าง
             ตอบ ในการทำโครงงานคอมพิวเตอร์สามารถทำงานออกเป็น 6 ขั้นตอนดังนี้
1.การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจทำ
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3.จัดทำเค้าโครงของโครงงานที่จะทำ
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน


7. เราสามารถนำโครงงานคอมพิวเตอร์มาใช้กับการศึกษาได้อย่างไรบ้าง
                         ตอบ  โครงงานคอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวนและคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ได้

8. จงเขียนประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
                ตอบ  - ช่วยรวบรวมและนำเสนอข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ
                - ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
                - เป็นเวทีแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวความคิด
                - ช่วยผลิตหน่วยการเรียนรู้และขยายโอกาสในการศึกษา
                - ช่วยอำนวยความสะดวกในการศึกษา
                - ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
                - เป็นสื่อกลางในการรับ-ส่งและกระจายข้อมูล
                - รู้จักใช้เหตุผลในการทำโครงงานและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม


9. ความพอเพียงหมายถึงอะไร
   ตอบ  ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี



10. ประโยชน์ของการประยุกต์ใช้โครงงานกับเศรษฐกิจพอเพียงมีอะไรบ้าง
                ตอบ  การนำโครงงานมาประยุกต์ใช้กับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นสามารถทำได้จากการที่นักเรียนเป็นผู้เลือกโครงงานที่สนใจ โดยที่ผู้เรียนสามารถ คิด ตัดสินใจ แก้ปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผลทำให้เกิดความพอประมาณ เมื่อผู้เรียนมีความพอเพียงและความพอประมาณแล้วจะทำให้ภูมิคุ้มกันในตัวของผู้เรียน ทำให้โครงงานที่ได้ประยุกต์ใช้กับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นมีการส่งเสริมให้ใช้ความรู้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ฝึกให้เด็กคิดเป็นทำเป็นอย่างมีเหตุผล และส่งเสริมให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี ทำให้เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น พัฒนาคนให้รู้จักทำประโยชน์ให้กับสังคมทำให้โครงงานมีความยั่งยืน โดยมีภูมิคุ้มกันในด้านต่างๆ